10/08/2553

รู้ทัน! เรื่อง "หน้าพัง"

สาวเหม่อรู้ทัน! เรื่อง "หน้าพัง"

เพราะหนุ่มสาวสมัยนี้เค้ารักสวยรักงามด้วยกันทั้งนั้นทำให้หลากหลายคลินิกผุดขึ้นเป็นดอกเห็นและไหนจะเครื่องสำอางค์ที่มี มากมายหลากหลายยี่ห้อที่มาประทินใบหน้าของแต่ล่ะคนที่อาจไม่ได้มาตรฐานจนทำให้หน้าพัง แล้วถ้าเกิด หน้าพังทำไงดี ล่ะทีนี้ อาจมีหลายคนที่เกิดคำถามขึ้นในใจ ใครล่ะจะรับผิดชอบ หน้าพัง ของเรา วันนี้เรามีคำตอบถึงเรื่อง หน้าพัง ที่ทุกคนควรอ่านมาฝากกันค่ะ




"หน้าพัง" ทำไงดี?


หน้าพังเพราะศัลยกรรม

คุณผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายบางคนยอมเจ็บปวดเพื่อแลกกับความสวยความงาม เพราะเห็นคนอื่น ๆ เข้ารับการผ่าตัดหรือศัลยกรรมแล้วดูดีขึ้น สวยขึ้น หล่อขึ้น ไม่ว่าจะทำจมูกโด่ง ทำตา 2 ชั้น เสริมคางเสริมโหนกแก้ม ทำลักยิ้ม ลบรอยตีนกา ฯลฯ ดังนั้น เธอหรือเขาจึงยินยอมพึ่งมีดหมอด้วยวิธีการศัลยกรรม แต่ปรากฏว่า พอเข้ารับการศัลยกรรมจากหมอแล้วใบหน้าพังโดยเฉพาะคนที่ไปทำศัลยกรรมกับหมอเถื่อน (หมอที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์) เพราะบางรายถึงขนาดหน้าเน่าเละ จมูกเน่า หน้าโย้ หรือถึงขนาดหลับตาไม่ได้กลายเป็นเสียโฉมหนักกว่าเดิมอีกครับ

แบบนี้หมอผู้ทำการผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมมีความผิดที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอ หรือมิได้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพหรือทำไปโดยความไม่รู้ ซึ่งกรณีหลังมักจะเกิดขึ้นจากบรรดาหมอเถื่อนอย่างนี้ก็ต้องถือว่า ผู้ที่ทำศัลยกรรมให้แก่คนใช้จนกระทั่งเสียโฉมหรือบางรายอาจจะทุพพลภาพเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง ในทางอาญาก็มีโทษจำคุก 3 ปีเลยทีเดียว ส่วนในทางแพ่งระบุว่าผู้ที่กระทำโดยประมาทจนกระทั่งทำให้ผู้อื่นเสียโฉมก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทั้งปวงที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกฎหมายถือเป็นคดีละเมิดที่ต้องดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนภายในหนึ่งปี อย่าให้เกินกว่านี้เพราะคดีจะขาดอายุความจนไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้


หน้าพัง


หน้าพังเพราะเครื่องสําอาง

บางคลินิกไม่ได้ผ่าตัดแต่อาจจะจ่ายยาให้ผู้เข้ามารับบริการ เช่น กรณีของ คุณกฤติยา หิรัญญาศาสตร์ เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2549 โดยแจ้งว่าคลินิกผิวหนังบนห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งรักษาใบหน้าของเธอซึ่งมีอาการแพ้แดดและสั่งยาไปรับประทานจนเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงมีผื่นทั่วใบหน้าทำให้เกิดความอับอาย จึงขอให้คลินิกรับผิดชอบในการรักษาโดยเรียกค่าเสียหายแต่ตกลงกันไม่ได้

เรื่องนี้แม้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าคลินิกดังกล่าวเปิดดำเนินการโดยมีใบอนุญาตทุกอย่าง แต่เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจึงได้ให้ปิดคลินิกชั่วคราวเป็นเวลา 15 วัน และเก็บครีมทาหน้าและผลิตภัณฑ์ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบสารเคมี ต่าง ๆ อย่างละเอียด โดยเฉพาะการทำมัมมี่ใบหน้าที่ใช้กับคนไข้รายนี้อาจไม่เป็นไปตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา ประกอบกับยาหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นหลักฐานใช้รักษาไม่ได้ระบุชื่อยาเพียงแต่ระบุวิธีใช้จึงไม่ทราบว่าเป็นยาที่มีสารอันตรายเป็นส่วนประกอบอยู่หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้หากพบว่าใบหน้าของเธอพังเพราะเครื่องสำอางหรือวิธีการรักษาจากคลินิกทางคลินิกก็ต้องรับผิดชอบความเสียหายครับ


คลินิกล้ำหน้า...ก็ต้องระวัง

กรณีของวุฒิศักดิ์คลินิกเมื่อปี 2551 ที่คลินิกแห่งนี้ ใช้กรรมวิธีลบรอยเหี่ยวย่นที่เรียกว่า "สเต็มเซลล์ โรลเลอร์" และ "เดอร์มา โรลเลอร์" ซึ่งจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ทางอย. ยังไม่ได้รับรองความปลอดภัยและยังไม่เคยอนุญาตให้นำเข้ามาใช้ในประเทศไทย เนื่องจากมีสรรพคุณไม่ชัดเจนและเครื่องมือดังกล่าวเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องขออนุญาตนำเข้าหรือขายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขปี 2549 ผู้ผ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 250,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการโฆษณาซึ่งไม่ได้รับอนุญาตก็มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากโฆษณามีข้อความอันเป็นเท็จก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 20,000 บาทครับ

คุณผู้อ่านต้องระมัดระวังให้เยอะ ๆ นะ ก่อนเข้ารับบริการเรื่องความงาม แต่ถ้ามีผลที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเขาก็พร้อมที่จะใช้กฎหมายคุ้มครองดูแลคุณและผู้บริโภคคนอื่น ๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม